วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผลกระทบจากน้ำมันรั่วไหล

จากเหตุการน้ำมันรั่วไหลที่ระยองในสัปดาห์นี้(28ก.ค.56)ทำให้หลายคนหวั่นวิตกและเป็นห่วงระบบนิเวศน์ทางทะเลกันอย่างมาก วันนี้ลองมาดูผลกระทบจากเหตุการน้ำมันร่วงไหลกันบ้างนะ

น้ำมันที่รั่วไหลสู่แหล่งน้ำจะเกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงสภาพ ทั้งทางกายภาพ เคมี และชีวภาพ เริ่มจากน้ำมันบางส่วนระเหยไป น้ำมันที่เหลือจะเปลี่ยนสภาพไปตามคุณสมบัติเฉพาะของชนิดน้ำมันนั้นๆ และปัจจัยต่างๆ เช่น แสงแดด กระแสน้ำ อุณหภูมิ ฯลฯ
        คราบน้ำมันที่ลอยอยู่บนผิวน้ำจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลง และปิดกั้นการสังเคราะห์แสงของแพลงก์ตอนพืช สาหร่าย และพืชน้ำต่างๆ เปลี่ยนแปลงสภาวะการย่อยสลายของแบคทีเรียในน้ำ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดล้วนส่งผลเสียต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น (ปลา สัตว์หน้าดิน ปะการัง ฯลฯ) รวมถึงนกน้ำด้วย เกิดการสะสมสารพิษในห่วงโซ่อาหารที่เริ่มตั้งแต่ผู้ผลิต (แพลงก์ตอนพืช) ผู้บริโภคขั้นต้น (แพลงก์ตอนสัตว์/ปลา) จนถึงผู้บริโภคขั้นสุดท้ายซึ่งก็คือมนุษย์
556000009876803.JPEG (320×221)
        คราบน้ำมันยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประมงและการเพาะลี้ยงชายฝั่ง เช่น สัตว์น้ำตายจากคราบน้ำมัน ขาดออกซิเจน ชายหาดสกปรกจากคราบน้ำมัน ทำลายทัศนียภาพ มีกลิ่นเหม็น ไม่เหมาะกับการท่องเที่ยวและพักผ่อน ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อเศรษฐกิจในชุมชนท้องถิ่นและระดับประเทศ
        ความรุนแรงของผลกระทบจากน้ำมันรั่วไหล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทั้งชนิดของน้ำมัน ปริมาณที่รั่วไหล สภาพภูมิศาสตร์ของบริเวณที่เกิดรั่วไหล กระแสน้ำ กระแสลม การขึ้น-ลงของน้ำทะเล ตลอดจนความหลากหลายและความสมบูรณ์ของทรัพยากรรอบๆบริเวณนั้น

การเกิดน้ำมันรั่วไหลในทะเลไทย
         กรมควบคุมมลพิษ รายงานว่าในระหว่างปี พ.ศ. 2519 – 2553 เกิดเหตุน้ำมันรั่วไหลที่ได้ดำเนินการตรวจสอบและจัดการแก้ไขร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง 124 เหตุการณ์ ส่วนใหญ่เป็นการรั่วไหลในปริมาณเล็กน้อย สาเหตุของการรั่วไหลที่พบมากที่สุดคือ
           1. อุปกรณ์ที่ใช้ในการเดินเรือ เก็บกัก หรือสูบถ่ายน้ำมันชำรุด
           2. รั่วไหลระหว่างการสูบถ่ายน้ำมันกลางทะเลจากเรือขนาดใหญ่ลงสู่เรือขนาดเล็ก หรือระหว่างเรือกับท่าเทียบเรือ
           3. การลักลอบทิ้ง เช่น ปล่อยทิ้งน้ำมันชนิดเดิมก่อนบรรทุกน้ำมันชนิดใหม่ หรือลักลอบถ่ายน้ำอับเฉา
           4. เรืออับปาง เนื่องจากเรือโดนกัน ชนหินโสโครก/หินฉลาม หรือไฟไหม้
           5. สาเหตุอื่นๆ เช่น รั่วไหลจากแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมในทะเล น้ำทิ้งจากฝั่ง หรือรั่วไหลตามธรรมชาติ

         แผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันแห่งชาติ จำแนกปริมาณน้ำมันรั่วไหลเป็น 3 ระดับ (Tier) ได้แก่
    1. ระดับที่ 1 (Tier I)   ปริมาณรั่วไหลไม่เกิน 20 ตันลิตร ส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่างขนถ่ายน้ำมัน ผู้ที่ทำให้เกิดน้ำมันรั่วไหลต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการขจัดคราบน้ำมัน และ/หรือได้รับความช่วยเหลือจาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยต้องแจ้งให้กรมเจ้าท่าทราบก่อน
    2. ระดับที่ 2 (Tier II)   รั่วไหลมากกว่า 20 - 1,000 ตันลิตร อาจเกิดจากเรือโดนกัน การขจัดคราบน้ำมันต้องร่วมมือกันระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐ ตามแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันแห่งชาติ และต้องแจ้งให้กรมเจ้าท่าทราบก่อน หากเกินขีดความสามารถของทรัพยากรที่มี อาจต้องขอรับการสนับสนุนจากต่างประเทศ
    3. ระดับที่ 3 (Tier III)  ปริมาณรั่วไหลมากกว่า 1,000 ตันลิตร อาจเกิดจากอุบัติเหตุที่รุนแรง การขจัดคราบน้ำมันในระดับนี้ต้องการความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆในประเทศ และต้องอาศัยความช่วยเหลือระดับนานาชาติ

          จากสถิติกรมเจ้าท่า ระหว่างปี พ.ศ. 2540 – 2553 พบการรั่วไหลของน้ำมันในปริมาณมาก (20,000 ลิตรขึ้นไป) ทั้งสิ้น 9 ครั้ง พบเกิดในทะเลและชายฝั่งท่าเทียบเรือ ส่วนมากพบการรั่วไหลบริเวณท่าเทียบเรือจากอุบัติเหตุระหว่างการขนถ่ายน้ำมัน และจากอุบัติเหตุต่างๆ ดังแสดงในตารางที่ 1

ตารางที่ 1 สถิติเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลปริมาณมาก ระหว่างปี พ.ศ. 2540 - 2553
ลำดับ
วัน เดือน ปี
ชนิดน้ำมัน
สถานที่เกิด
สาเหตุ
ปริมาณ
1
22 พฤษภาคม 2544
น้ำมันดิบ
ท่อขนถ่ายน้ำมันกลางทะเล บริษัท อัลลายแอนซ์ รีไฟน์นิ่ว จำกัด ท่าเรือมาบตาพุด ระยอง
Brakeaway Coupling ขนาด 16 นิ้ว ที่กำลังขนถ่ายจากเรือ Tokachi หลุดออกจากกันทำให้น้ำมันรั่วไหล
30 ตัน
2
15 มกราคม 2545
น้ำมันเตา
หินฉลาม เกาะจวง นอกฝั่งอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี
เรือ Eastern Fortitude สัญชาติปานามา ชนหินฉลาม
234 ตัน
3
17 ธันวาคม 2545
น้ำมันเตา
ทางเข้าท่าเรือแหลมฉบัง ด้านใต้ของเกาะสีชัง ชลบุรี
เรือ Kota Wijaya โดนกับเรือ Sky Ace ทำให้มีน้ำมันเตารั่วไหลลงทะเล
210 ตัน
4
20 พฤศจิกายน 2548
น้ำมันดิบ
บริเวณทุ่นผูกเรือ SBM ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) อ.ศรีราชา ชลบุรี
ท่อเชื่อมต่อหลุดขณะส่งถ่ายน้ำมัน เนื่องจากคลื่นลมแรง
20 ตัน
5
4 พฤษภาคม 2549
น้ำมันเตา
บริเวณหน้าท่าเทียบเรือ บริษัท อัลลายแอนซ์ รีไฟน์นิ่ง จำกัด อ.มาบตาพุด ระยอง
รั่วไหลจากรอยรั่วที่ระวางหมายเลข 2 ของเรือบรรทุกน้ำมัน CP 34
20 ตัน
6
6 ตุลาคม 2550
Saraline 185V
บริเวณแท่น Trident-16 (Offshore Mobile Drilling Unit) ของบริษัท Chevron
Thailand
รั่วไหลจาก Storage Tank
220 บาร์เรล

7
9 ธันวาคม 2550
น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตา
ในทะเลห่างชายฝั่ง อ.สทิงพระ จ.สงขลา ประมาณ 6 ไมล์ทะเล
เรือบรรทุกแก๊สของบริษัท เวิร์ลไวด์ทรานสปอร์ต จำกัด อับปาง
ประมาณ 20,000 ลิตร
8
15 มิถุนายน 2551
น้ำมันเตา
บริเวณอู่เรือบริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) อำเภอพระสมุทรเจดีย์ สมุทรปราการ
รั่วไหลจากเรือสินค้า Chol Han Vong Chong Nyon Ho สัญชาติเกาหลีเหนือ
คาดว่าไม่น้อยกว่า 40,000 ลิตร
9
4 กันยายน 2554
ดีเซล (B5)
ห่างจากเกาะราชาใหญ่ ทางด้านตะวันออก ประมาณ 4 ไมล์ทะเล จ.ภูเก็ต
เรือบรรทุกน้ำมันชื่อ ส.โชคถาวร 6 จม เนื่องจากสภาพภูมิกาศเลวร้ายและมีคลื่นลมแรง
ประมาณ 40,000 ลิตร
ที่มา : รวบรวมจาก กรมเจ้าท่า. สถิติน้ำมันรั่วไหล (Oil spill)

เขตความเสี่ยงต่อน้ำมันรั่วไหลในน่านน้ำไทย
      ส่วนแหล่งน้ำทะเล สำนักจัดการคุณภาพน้ำ กรมควบคุมมลพิษ ได้จำแนกเขตความเสี่ยงต่อน้ำมันรั่วไหลในน่านน้ำทะเลไทย ตามระดับความเสี่ยงและความรุนแรงต่อการได้รับผลกระทบจากน้ำมันรั่วไหล ออกเป็น 4 เขต ดังนี้

ที่มา : กรมควบคุมมลพิษ

เขตที่ 1 มีความเสี่ยงสูงมาก
   ได้แก่ บริเวณชายฝั่งทะเลด้านตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง เป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรม มีกิจกรรมการขนถ่ายน้ำมันบริเวณท่าเทียบเรือและกลางทะเล มีการจราจรทางน้ำหนาแน่น
เขตที่ 2 มีความเสียงสูง
   ได้แก่ บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาถึงท่าเรือคลองเตย เป็นเส้นทางหลักของเรือบรรทุกน้ำมัน เรือสินค้า และเรือโดยสาร อีกทั้งเป็นที่ตั้งคลังน้ำมันหลายแห่งริมฝั่งแม่น้ำ
เขตที่ 3 มีความเสี่ยงสูงปานกลาง
    ฝั่งทะเลอ่าวไทย ได้แก่ อ่าวไทยด้านตะวันตก ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ พัทลุง และสงขลา และฝั่งทะเลอันดามัน ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล น้ำมันรั่วไหลอาจเกิดจากเรือบรรทุกน้ำมันที่เดินทางเข้าออกช่องแคบมะละกา การขนถ่ายน้ำมัน ท่าเรือน้ำลึก และท่าเรือโดยสาร ฯลฯ
เขตที่ 4 มีความเสี่ยงต่ำ
ได้แก่ พื้นที่บริเวณฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามันนอกเหนือจากที่ระบุไว้ใน 3 เขตข้างต้น

      ตารางที่ 2 ระดับความเสี่ยงของพื้นที่ 21 จังหวัดชายฝั่งทะเล ต่อผลกระทบจากน้ำมันรั่วไหล (สังเคราะห์จากแผนที่เขตความเสี่ยงต่อน้ำมันรั่วไหล)
ระดับความเสี่ยง
พื้นที่
ตัวแปรที่ใช้พิจารณา a
1
2
3
4
สูงมาก
ชลบุรี
สูง
ทุกปี
สูง
สูง
ระยอง
สูง
1 ครั้ง / 2-5 ปี
ปานกลาง
สูง
ฉะเชิงเทรา
สูง
1 ครั้ง / ≥ 5 ปี
ปานกลาง
สูง
สูง
กรุงเทพ b
สูง
ทุกปี
ต่ำ
สูง
สมุทรปราการ
สูง
1 ครั้ง / 2-5 ปี
ต่ำ
สูง
ปานกลาง
สงขลา
ปานกลาง
ทุกปี
ปานกลาง
ต่ำ
นครศรีธรรมราช
ไม่มีข้อมูล
ทุกปี
ปานกลาง
ต่ำ
สุราษฎร์ธานี
ไม่มีข้อมูล
ทุกปี
ปานกลาง
ต่ำ
ชุมพร
ไม่มีข้อมูล
1 ครั้ง / ≥ 5 ปี
ปานกลาง
ต่ำ
ประจวบคีรีขันธ์
ปานกลาง
1 ครั้ง / 2-5 ปี
ปานกลาง
ต่ำ
ระนอง
ไม่มีข้อมูล
1 ครั้ง / ≥ 5 ปี
สูง
ต่ำ
พังงา
ไม่มีข้อมูล
1 ครั้ง / ≥ 5 ปี
สูง
ต่ำ
ภูเก็ต
ปานกลาง
1 ครั้ง / 2-5 ปี
สูง
ต่ำ
กระบี่
ไม่มีข้อมูล
1 ครั้ง / 2- 5 ปี
สูง
ต่ำ
ตรัง
ไม่มีข้อมูล
1 ครั้ง / ≥ 5 ปี
สูง
ต่ำ
สตูล
ไม่มีข้อมูล
1 ครั้ง / 2-5 ปี
สูง
ต่ำ
ต่ำ

ตราด
ไม่มีข้อมูล
1 ครั้ง / ≥ 5 ปี
ปานกลาง
ต่ำ
จันทบุรี
ไม่มีข้อมูล
1 ครั้ง / ≥ 5 ปี
ปานกลาง
ต่ำ
เพชรบุรี
ไม่มีข้อมูล
1 ครั้ง / ≥ 5 ปี
ต่ำ
ต่ำ
ปัตตานี
ไม่มีข้อมูล
1 ครั้ง / ≥ 5 ปี
ต่ำ
ต่ำ
นราธิวาส
ไม่มีข้อมูล
1 ครั้ง / ≥ 5 ปี
ต่ำ
ต่ำ
1. แนวโน้มการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมันเข้าในพื้นที่ชายฝั่ง กรณีมีน้ำมันรั่วไหลลงทะเล ได้จากการคาดการณ์ด้วยแบบจำลอง
   2. ความถี่ของพื้นที่เกิดเหตุน้ำมันรั่วไหล ระหว่างปี พ.ศ. 2516 – ปัจจุบัน
   3. สภาพการดำรงอยู่และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรชายฝั่งที่สำคัญ (ป่าชายเลน แนวปะการัง หญ้าทะเล นกทะเล เต่าทะเล พะยูน โลมา ปลาต่างๆ เป็นต้น) และลักษณะทางกายภาพจากแผนที่ดัชนีความอ่อนไหวของทรัพยากรต่อมลพิษจากน้ำมัน
   4. เส้นทางจราจรทางน้ำ เส้นทางการขนถ่ายน้ำมันและกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ
บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา
ที่มา  กรมควบคุมมลพิษ. 2554

       โดยรวมแล้วพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำมันรั่วไหลสัมพันธ์กับกิจกรรมทางทะเลในบริเวณนั้นๆ ได้แก่ ท่าเทียบเรือ จำนวนเรือ ชนิดและประเภทของเรือ แหล่งหรือเขตอุตสาหกรรม เส้นทางการสัญจรทางน้ำ และกิจกรรมการขนส่งหรือขนถ่ายสินค้าในทะเล
        3 จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา รวมถึงบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมและท่าเทียบเรือจำนวนมาก มีปริมาณการสัญจรทางน้ำ โดยเฉพาะเรือบรรทุกน้ำมันมาก ปัจจัยดังกล่าวทำให้มีความเสี่ยงการเกิดน้ำมันรั่วไหลลงสู่ทะเล สูงกว่าในบริเวณจังหวัดชายทะเลอื่น ดังตารางที่ 2
        บริเวณแหล่งท่องเที่ยวและชุมชม มีความเสี่ยงต่อน้ำมันรั่วไหลลงทะเลลดหลั่นลงไป จากกิจกรรมการท่องเที่ยวทางทะเล ดำน้ำ เรือสำราญ หรือกิจกรรมการประมงชายฝั่งที่ต้องออกเรือไปทำการประมง และน้ำทิ้งจากบ้านเรือนริมชายฝั่งทะเลที่มีน้ำมันปนเปื้อนอยู่ ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าเป็นแหล่งรั่วไหลของน้ำมันลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติทั้งสิ้น

CR:http://www.mkh.in.th/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น